บก. | 04 ก.พ. 2556 10:48 IP Address: 58.11.81.81 |
![]() |
ไม่รู้จะดีใจ หรือ เสียใจกับข่าวนี้ดีนะคร้า
ตลาดบ้านในไทยเริ่มอิ่มตัว นับถอยหลังเข้าสู่การเปิดประตูทางการค้าและวัฒนธรรม ภายใต้กรอบการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)ที่ใกล้เข้ามาในทุกขณะ ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการลงทุนในธุรกิจ และอุตสาหกรรม ทั้งในด้านการเตรียมความพร้อมรับมือการแข่งขันจากบริษัทขนาดใหญ่และคู่แข่งจากประเทศต่างๆในกลุ่มอาเซียนที่จะทะลักเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านภายหลังการเปิดAECในปี2558 ทั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมในภาคการผลิตเท่านั้น ที่มีการปรับตัวและแผนธุรกิจเตรียมความพร้อมรับมือ ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรา ก็เริ่มมีการตื่นตัวอย่างมาก โดยเฉพาะในปี2555ที่ผ่านมา บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ทั้งที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และนอกตลาดต่างมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจและโครงสร้างองค์กร การรีแบรนด์สร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าเดิมและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ รวมถึงการขยายตลาดออกไปในตลาดใหม่ๆ เช่นตลาดต่างจังหวัด และตลาดต่างประเทศ โดยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่ๆ ซึ่งได้ขยายตลาดออกไปในต่างประเทศได้แก่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการออกไปลงทุนพัฒนาโครงการในประเทศ เวียดนาม อินเดีย และมันดีป บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)ซึ่งออกไปเทคโอเวอร์โครงการห้องชุดและปรับปรุงใหม่เพื่อจำหน่ายลูกค้าในประเทศอังกฤษ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าไปเทคโอเวอร์ โครงการคิโรโระ และสกีรีสอร์ท พร้อมโรงแรม บนเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุด บริษัท แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ออกไปตั้งบริษัท ในประเทศสิงค์โปร เพื่อเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ในการลงทุนขยายตลาดออกไปในต่างจังหวัดนั้น บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกือบทุกรายได้ขยายตลาดออกไปเปิดตัวโครงการในจังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดหัวเมืองขนาดใหญ่ เช่น บมจ.แสนสิริที่เข้าไปลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ5ปีที่มีบริษัทรายใหญ่เข้าไปลงทุนเปิดตัวคอนโด นอกจากนี้ยังมีการลงทุนโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูงในจังหวัดภูเก็ต หัวหิน นครราชสีสม (เขาใหญ่) นอกจากนี้ ยังมีบมจ.ศุภาลัย ที่ขยายการลงทุนในจังหวัด หาดใหญ่ เชียงใหม่ ขอนแก่น บมจ.เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งที่เปิดตัวโครงการคอนโด และบ้านเดี่ยวในพัทยา บมจ.แอล.พี.เอ็น.ฯ ที่มีการขยายการลงทุนคอนโดมิเนียมรุกออกสู่ตลาดต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกและปีแรกนับตั้งแต่ดำเนินธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมขายให้แก่ผู้บริโภค โดยเจาะไปในจังหวัดชลบุรี และเมืองพัทยาเป็นพื้นที่แรก ขณะที่ บมจ.พอร็อพเอร์ตี้ เพอร์เฟค เตรียมแผนการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ในต่างจังหวัดในปีนี้ โดยคาดว่าจะบุกเชียงใหญ่เป็นครั้งแรก และตามด้วยตลาดในภูเก็ต และหัวหิน ส่วนในของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และภาคการผลิตและก่อสร้างที่อยู่อาศัยนั้น ได้เริ่มมีการนำเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ เข้ามาใช้ เช่น ระบบก่อสร้างบ้านสำเร็จรูป และระบบก่อสร้างอาคารสูงสำเร็จรูป เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้ประกอบการอสังหาฯ และภาครัฐ เนื่องจากสามารถชวยลดระยะเวลาการก่อสร้าง ลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดการใช้แรงงานซึ่งปัจจุบันค่าจ้างถีบต้วขึ้นอย่างมากจนทำให้ต้นทุนการก่อสร้างสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังช่วยแก้ปัญหาการส่งมอบที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น และยังเป็นการลดต้นทุนด้านดอกเบี้ยจากสินเชื่อโครงการที่กู้ยืมจากสถาบันการเงินไปในตัว ทั้งนี้ การขยายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดของผู้ประกอบการอสังหาฯ นั้นจะมีมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาตลาดหลักๆ ของผู้ประกอบการยังคงเป็น กทม.และปริมณฑล แต่หลังจากที่กระแสการเปิด AECใกล้เข้ามา ในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ แทบทุกบริษัทกระจายการลงทุนออกไปในต่างจังหวัดจำนวนมาก และยังมีการเตรียมแผนการลงทุนในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง การขยายการลงทุนไปในต่างจังหวัดของผู้ประกอบการอสังหาฯ นั้นปัจจัยหลักมาจากการเห็นถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนจากภาคธุรกิจต่างๆ รวมถึงภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตัวเศรษฐกิจในจังหวัดหัวเมืองและจังหวัดที่อยู่ในรอยต่อระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการลงทุนจำนวนมากในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ และสิ่งที่ตามมาคือการขยายตัวของแรงงานและความต้องการที่พักอาศัยและที่อยู่อาศัยอย่างมหาศาล แนวโน้มการขยายตัวไปในต่างจังหวัดสูงมากขึ้น และรวดเร็วกว่าตลาด กทม. โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการห้างค้าปลีกรายใหญ่ของประเทศ พบว่าในปีที่ผ่านมา เช่น เซ็นทรัลพัฒนา ได้มีการขยายการลงทุนและเปิดตัวห้างสรรพสินค้าในจังหวัดชายแดนและภาคอีสานหลายๆ แห่ง ซึ่งขยายการลงทุนทั้งในส่วนของห้างสรรพสินค้า และร้านค้าวัสดุก่อสร้าง โดยตั้งเป้าให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคอีสานมากที่สุด เพื่อรองรับการขยายตัวด้านที่อยู่อาศัยและความต้องการแหล่งช้อปปิ้ง หลังหลังการเปิดAECการขยายการลงทุนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าในอนาคต จะมีความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างในพื้นที่เมืองชายแดนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับงานก่อสร้างในภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวตามตลาดแรงงาน นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงผลการวิจัยตลาดของ พลัสฯพบว่า การขยายการลงทุนของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ในตลาดภูมิภาค จะเป็นการสร้างมาตรฐานการขายใหม่ อาทิ ก่อนหน้านี้การทำโฆษณา หรือแม้แต่พัฒนาห้องตัวอย่าง เพื่อจำลองให้ลูกค้าได้เห็นอาจจะไม่มี ความสำคัญในการขายระดับท้องถิ่นแต่ปัจจุบัน ความคิดเช่นนี้เปลี่ยนไปเพราะความครบสูตร ในเรื่องกลยุทธ์การขายได้จุดกระแสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวขึ้น ใครที่ต้องการขายได้ต้องไม่มองข้ามปัจจัย เหล่านี้โ หากพิจารณาถึงปัจจัยใหม่ๆ ที่จะส่งผลต่อทิศทางการเติบโตของ อสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคต แผนแม่บทของภาครัฐในการพัฒนาประเทศถือเป็น ปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางการเติบโต ซึ่งในอนาคตเชื่อมั่นว่าจะเกิดการพัฒนาโครงการ อสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆ ขึ้นตามรอยต่อเมืองเศรษฐกิจที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ จังหวัดทางภาคเหนือ ที่เชื่อมต่อพม่าตอนบน และประเทศจีน,จังหวัดในภาคตะวันตกที่เชื่อมต่อประเทศพม่าตอนล่าง, จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เชื่อมต่อประเทศลาว และจังหวัดในภาคตะวันออกที่เชื่อมต่อประเทศกัมพูชา ซึ่งภาพดังกล่าวจะชัดเจนขึ้นในอีก2-3ปีข้างหน้านี้ เพื่อรับกับกระแสAEC ในอนาคตอันใกล้นี้ภาคธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ไทย จะมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านมาตรฐานและการพัฒนาอย่างเป็นระบบแบบแผนมากขึ้น พร้อมๆกับการเข้ามาของ AECซึ่งจะเป็นสะพานและทางลัดเพื่อสร้าง การเรียนรู้ในแบบมาตรฐานสากล และจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประตูหลัก ในการเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแข็งแกร่ง ***ขอบคุณเครดิตภาพจากhttp://thinkofliving.com/wp-content/uploads/2012/12/original_cm-mhs_002.jpg |